เมื่อพูดถึงเจ้าหญิงน้ำแข็ง แทบทุกคนต้องนึกถึงอนิเมชั่นชื่อดังของ Disney เรื่อง Frozen ที่ได้รับกระแสตอบรับดีทั้งก่อนและหลังเปิดตัวในปี 2013 พร้อมคะแนนจาก Rotten Tomatoes ถึง 90 อันเป็นตัวการันตีได้เลยว่า มันเป็นอนิเมชั่นที่ทุกคนจะต้องชอบอย่างแน่นอน
Frozen เจ้าหญิงผู้มีพลังน้ำแข็ง

Frozen เล่าถึง “เอลซ่า” และ “อันนา” ลูกสาวทั้งสองของกษัตริย์และราชินีที่ปกครองอาณาจักร เอเรนเดลล์อันนาเป็นคนน้อง มีนิสัยร่าเริงชอบเล่นต่างกับเอลซ่าคนพี่ ที่มักทำตัวเคร่งเครียดอยู่เสมอ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เอลซ่ามีพลังที่สามารถปล่อยน้ำแข็งออกจากมือ ซึ่งแรกๆทั้งสองคนรวมทั้งพ่อและแม่ของเธอคิดว่าไม่น่ามีปัญหา จึงไม่ได้จัดการอะไร เอลซ่าและอันนาจึงมักเล่นอะไรสนุกกับพลังน้ำแข็งด้วยกันเสมอ จนวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุที่เอลซ่าเผลอไปยิงพลังน้ำแข็งโดนอันนาสลบ แม้ว่าอันนาจะไม่มีเป็นอะไรมาก แต่เธอก็ไม่สามารถจดจำได้ว่าเอลซ่ามีพลังน้ำแข็ง เพราะทางด้านพ่อและแม่ของเธอเห็นว่าพลังของเอลซ่า นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้น จึงได้ออกคำสั่งให้ปิดปราสาทจนกว่าเอลซ่าจะควบคุมพลังได้ และหลังช่วงเวลานั้นเอง ที่เอลซ่าเริ่มตีตัวออกห่างจากอันนา เวลาล่วงเลยไปถึงวันที่เอลซ่ามีอายุพอเข้าพิธีขึ้นครองราชต่อจากพ่อและแม่ของเธอ ซึ่งตายไปในอุบัติเหตุเรือล่มได้ และจำเป็นต้องเปิดปราสาทให้แขกชนชั้นสูงเข้ามาเป็นพยานในพิธี แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเอลซ่าควบคุมพลังไว้ไม่อยู่ ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในฤดูหนาวตลอดกาล ส่วนเอลซ่าได้หนีไปในที่ห่างไกล อันนาเห็นถึงความเดือดร้อนของทั้งเมือง จึงอาสาออกเดินทางไปตามหาเอลซ่า เพื่อหยุดยั้งความหนาวนี้

ผจญภัยกับเจ้าหญิงอันนา เพื่อถอนคำสาปราชินีหิมะใน Frozen3
สิ่งที่ทำให้อนิเมชั่น Frozen เป็นอีกเรื่องที่มีคุณภาพ คือ องค์ประกอบหลายๆส่วนของเรื่องทำออกมาได้อย่างดี ด้วยฉากส่วนใหญ่ที่มีแต่น้ำแข็งสีขาว แต่ในเรื่องก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้สวยงาม แสดงออกถึง ความเศร้า ความแข็งแกร่งของเอลซ่าได้ชัดเจนในเวลาเดียวกัน รูปแบบการดำเนินเรื่องแบบมิวสิคัลที่เราจะได้ฟังเพลงตลอดเรื่องก็ลงตัว ส่งผลให้ฉากอารมณ์ต่างๆของอนิเมชั่นเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาสนุกๆ ช่วงเวลาโศกเศร้า หรือช่วงเวลาที่มีความสุข และสุดท้าย คือ เนื้อเรื่องที่เราไม่ค่อยได้เห็นในการ์ตูนเจ้าหญิงของ Disney เท่าไหร่นัก ในการให้เจ้าหญิงรับบทร้าย รวมทั้งจุดหักมุมของเรื่องด้วย
