และแล้วซีรีส์ Lovelive ก็ได้เดินทางมาถึงเรื่องราวของกลุ่มไอดอลมัธยมวงที่สามกันแล้ว คราวนี้มาให้ชื่อ Love Live! Nijigasaki High School Idol Club ฟังดูแล้วอาจจะเป็นชื่อที่แปลกมาก เมื่อเทียบกับวงรุ่นพี่ทั้งสองวงอย่าง U’s และ Aqours แต่นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นกับซีรีส์นี้ ต้องบอกเลยว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ในซีรีส์ Lovelive ภายภาคหน้ากันเลยทีเดียว
Love Live! Nijigasaki High School Idol Club เรื่องราวของเด็กสาวผู้อยากเป็นไอดอล
สำหรับใครที่ติดตามข่าวสารของวงการ Love Live จะเห็นได้ชัดว่าทุกครั้งที่วงใหม่ออกมา มักจะมีสมาชิก 9 คน แม้รอบนี้ Nijigasaki Club จะเปิดตัวมาพร้อมกับเด็กสาวผู้อยากเป็นไอดอลทั้ง 9 คน เหมือนกัน แต่ทุกคนไม่จำเป็นต้องร้องเพลงหรือเต้นด้วยกันแบบรวมทีมอีกต่อไปแล้ว เพราะนี่คือการโชว์เดี่ยวของสมาชิกทุกคนนั่นเอง แน่นอนว่าวงรุ่นพี่ทั้งสองวงต่างก็มีเพลงที่ร้องเดี่ยว บางเพลงก็ร้องแบบสองคนหรือสามคนก็มี แต่นั่นไม่ได้ถูกใส่เข้ามาในตัวอนิเมะอย่างชัดเจนนัก จุดนี้แหละที่น่าสนใจเพราะต่อไปนี้ Love Live ไม่จำเป็นต้องขายเป็นวง 9 คนอย่างเดียว อาจจะมีอะไรใหม่ๆออกมา เช่น เรื่องราวของไอดอลเดี่ยวหรือไอดอลคู่ ไม่แน่อาจจะได้เห็น Love Live ที่มีแค่ 5 คนก็ได้ ซึ่งผลดีอีกอย่าง คือ ตัวอนิเมะจะสามารถให้บทกับตัวละครแต่ละตัวได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเด่นกว่าใครอย่างภาคก่อนที่เห็นได้ชัดเลยคือการเดินเรื่องของ Love Live! Nijigasaki High School Idol Club จะให้แต่ละตอนโฟกัสไปที่ตัวละครใดตัวละครหนึ่งและปิดท้ายด้วยเพลงเดี่ยวเพราะๆของคนๆนั้น จนเลือกไม่ได้ว่าจะรู้จะอวยใครดี แต่ไม่ใช่ทุกตอนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย เพราะอย่างไรเป้าหมายของอนิเมะ คือ การไปแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Love Live นั่นเอง
ในด้านภาพ Love Live! Nijigasaki High School Idol Club จะมีความคล้ายภาคก่อนอยู่บางส่วน แต่สิ่งที่ดีงามขึ้น คือ MV ภาพในเรื่องที่ผสมผสานระหว่าง 3 มิติและ 2 มิติได้อย่างสวยงาม เรื่องเพลงไม่ต้องสงสัยเพราะแน่นอน เหนือสิ่งอื่นใด คือ ภาคนี้มีตัวเอกที่ไม่ใช่ไอดอล แต่ก็น่ารักจนมีใครหลายคนอวยกว่าตัวละครอื่นอีก นั่นคือ ‘ยู ทากาซากิ’ (Yu Takasaki) ที่สร้างคาแรกเตอร์ได้น่าสนใจ เป็นตัวเดินเรื่องที่น่าติดตาม ถือว่าเป็นการนำเสนอที่ดีขึ้นกว่าภาคก่อนๆ สำหรับส่วนที่น่าติจริงๆ คือ เนื้อเรื่องที่เดินค่อนข้างช้า เพราะตัวอนิเมะออกแบบในเชิงของการโปรโมทเกมมากกว่า จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราอาจไม่ได้เห็นเรื่องราวภาคต่อของ Nijigasaki Club
