ชื่อของ Death Note เป็นอะไรที่รู้จักกันทั่วโลกด้วยจุดเริ่มต้นเรื่องราวแสนเรียบง่ายที่ว่า หากโลกของเรามีสมุดที่เพียงเขียนชื่อก็สามารถฆ่าคนได้จะเป็นอย่างไร? และหากคนที่หยิบมันไปใช้ คือ คนที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น? จนกลายเป็นเรื่องราวการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ใช้สมุดมรณะ แต่เราจะไม่ได้ติดตามด้านบทบาทของพวกนักสืบ แต่เป็นบทบาทของทางฝั่งฆาตกรแทน
การต่อสู้ของเหล่าอัจฉริยะกับสมุดแห่งความตาย Death Note
“ยางามิ ไลท์” เป็นเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่เรียกได้ว่า เพรียบพร้อม มีความเก่งกาจในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน กีฬา และหน้าตาบุคลิก ครอบครัวอบอุ่น มีแม่ที่เป็นแม่บ้านที่ดี พ่อที่ทำงานเป็นตำรวจ ส่งผลให้ไลท์ยึดมั่นในความยุติธรรมมาก แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาได้นำพาให้เขามาเจอกับสมุดแห่งความตาย Death Note ที่เพียงเขียนชื่อใครคนๆนั้นจะตายทันที ด้วยความที่ไลท์เป็นคนยึดมั่นในคุณธรรมและเห็นว่าระบบความยุติธรรมที่มียังไม่ดีพอ เขาจึงใช้สมุดเล่มนี้เปลี่ยนแปลงโลกให้ปราศจากอาชญากรรม โดยการฆ่าอาชญากรทุกคนที่เห็นว่าสมควรตาย ซึ่งก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยพร้อมตั้งฉายาเขาว่า “คิระ” ยกย่องเสมือนเป็นพระเจ้า และพวกที่ไม่เห็นด้วยอย่างตำรวจ ที่คิดว่าคิระก็ไม่ต่างกับฆาตกรที่ต้องจับกุมให้ได้ อย่างไรก็ดี การเข้าถึงตัวของไลท์นั้นทำได้ยาก เพราะเขาใช้พลังเหนือธรรมดาชาติในการฆ่าคนนั่นเอง แต่จุดพลิกผันกลับเกิดขึ้น เมื่อ “แอล” นักสืบอัจฉริยะที่ไขคดีปริศนามาแล้วมากมายได้มาร่วมทีมกับตำรวจเพื่อค้นหาตัวคิระ ด้วยความสามารถของแอลทำให้สามารถไล่ตามคิระได้ จนไลท์ต้องคิดหาทางต่างๆเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ขณะเดียวกันก็ต้องค้นหาชื่อจริงของแอลเพื่อฆ่าให้ทันก่อนที่ตัวเองจะถูกเปิดโปง กลายมาเป็นสงครามเชือดเฉือนทางความคิด การวางแผนวางที่ซับซ้อน แก้ทางกันไปมาว่า ใครจะรู้ตัวจริงของอีกฝ่ายก่อน
ต้องบอกเลยว่าสิ่งที่ทำให้ Death Note กลายเป็นอนิเมะที่สุดยอดได้ คือ บทที่น่าติดตาม มีความลุ้นระทึกตลอดเวลา ทั้งๆที่ในเรื่องแทบไม่มีฉากแอ็คชันให้เห็นมากนัก แต่มีการใช้คำพูดเฉียบคมหยั่งเชิงกันไปมา และการวางแผนที่ใครเก่งกว่าก็ได้เปรียบ แต่ใช่ว่าจะโล่งอกได้ เพราะถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวแผนที่สร้างมาจะพังลงอย่างง่ายได้ อีกองค์ประกอบที่อดชื่นชมไม่ได้ คือ ภาพที่สวยงาม แม้ว่าจะอนิเมะเรื่องนี้จะออกมาตั้งแต่ปี 2003 แล้ว แต่กลับมาดูอีกกี่ครั้งก็รู้สึกว่าไม่เก่าลงเลย
