ประวัติศาสตร์ ตำนาน เรื่องราวของเทพ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมและมักถูกสอดแทรก หรืออ้างอิงในหลายๆสื่อ ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ อนิเมะ ภาพวาด ด้วยความที่เป็นเรื่องราวที่มีความยาวนาน เนื้อหาเยอะ รายละเอียนน่าค้น น่าจดจำ ผ่านตำนานหลากหลายที่ไม่ว่าจะเป็นตำนานเทพกรีก ตำนานเทพนอร์ส แม้แต่เรื่องราวของศาสนาพุทธ ฮินดู แม้แต่บุคคลสำคัญทางประวัติศาตร์ แต่จะมีอนิเมะซักกี่เรื่องที่สามารถรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดมาไว้ในที่เดียวกันได้อย่าง ‘‘มหาศึกคนชนเทพ’’
การต่อสู่แสนดุเดือดในมหาศึกคนชนเทพ
มหาศึกคนชนเทพจะเปิดฉากด้วยการประชุมของเหล่าทวยเทพทุกองค์ที่เรารู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นจากตำนานเทพกรีก ตำนานเทพนอร์ส แม้แต่เทพต่างๆที่มีตัวตนอยู่ในความเชื่อของแต่ละศาสนา เรียกได้มาว่าครบทุกองค์จริงๆ ซึ่งในหมู่เทพนั้น มีเทพผู้อยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าเทพทุกองค์ คือ “ซุส” แต่เหมือนว่าหัวข้อการประชุมครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมนุษชาติอย่างแน่นอน เพราะพวกเขากำลังตัดสินว่าจะให้มนุษย์อยู่ต่อไปอีกพันปีดีไหม และดูเหมือนเสียงของเทพแต่ละองค์จะเป็นไปในทิศทางเดียวว่า การมีอยู่ของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไร้ค่า สมควรกวาดล้างในจบๆไป แต่ในขณะที่คำตัดสินนั้นจะเกิดขึ้น “บรุนฮิลด์” หนึ่งใน 13 วัลคีรีส์ได้ปรากฏตัวเพื่อเสนอให้มีการแข่งขัน Ragnarök ที่จะให้เทพกับมนุษย์สู้กันฝ่ายละ 13 คน หากฝ่ายมนุษย์สามารถชนะได้ 7 ครั้งก่อน เผ่าพันธุ์ของมนุษย์จะสามารถอยู่ต่อไปได้อีก 1000 ปี กลับกันหากฝ่ายเทพสามารถชนะได้ก่อน 7 ครั้ง นั่นหมายถึงจุดจนของมนุษยชาติ แม้ดูเผินๆมหาศึกคนชนเทพ จะเป็นเพียงอนิเมะแนวต่อสู้ไม่ต่างกับอนิเมะอื่นๆในแนวเดียวกัน เพียงเปลี่ยนคู่ชกเป็นคนกับเทพ พร้อมกับคำถามที่หลายคนคิดอยู่ในใจว่ามนุษย์จะชนะเทพได้อย่างไร ซึ่งคำตอบนี้จะถูกอธิบายในเรื่องโดยการเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมนุษย์แต่ละคนที่ลงแข่งขันว่า พวกเขาแต่ละคนมีความสามารถอะไรถึงสามารถต่อกรกับเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ ต้องบอกเลยว่าเรื่องสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดูอย่างเราได้แบบสุดยอด แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้แต่มันก็มีความหวังว่าบางทีแล้วมนุษย์อาจจะเอาชนะเทพก็ได้
อย่างไรก็ดี ข้อเสียหลักๆของ มหาศึกคนชนเทพ คือ การตั้งใจสร้างความอินให้กับคนดูอย่างเรามากเกินไป บางตอนก็มาแบบขัดอารมณ์การต่อสู้ ทำให้อนิเมะ 12 ตอนแลเป็นอะไรที่ดูยืดเยื้อมาก ด้วยจำนวนตอนขนาดนี้เรากลับได้ดูเพียง 3 คู่เท่านั้น ทั้งที่ควรได้เห็นการต่อสู้เยอะกว่านี้ อีกทั้งฉากการต่อสู้ทำออกมาเหมือนไม่ค่อยใส่ใจ ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เรื่องนี้พยายามสื่อออกมาก็ไม่ตกหล่น ถือเป็นอนิเมะอีกเรื่องที่หากได้ดูจะไม่เสียใจแน่นอน
