หลายคนที่ชื่นชอบเรื่องราวของซุปเปอร์ฮีโร่หรือผู้มีพลังวิเศษ คอยปราบปรามเหล่าร้าย คงเคยคิดอยากให้มีฮีโร่แบบนั้นขึ้นมาในชีวิตจริงบ้าง อย่างไรก็ดี มีเรื่องราวมากมายในปัจจุบันที่มักจะหยิบยกเหตุการณ์สมมุติว่า ถ้าเกิดมีผู้มีพลังวิเศษหรือฮีโร่ขึ้นมาจริงๆจะเป็นเช่นไร รวมทั้งเรื่อง ‘‘Incredible’’ หรือ ในชื่อไทย ‘‘รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก’’ ก็มีการนำไอเดียนี้มาใช้ โดยมองว่า การมีฮีโร่นั้น มีข้อเสียมากกว่าข้อดี จึงกลายเป็นที่มาของกฎหมายห้ามเป็นฮีโร่
ในโลกที่มีกฎหมายห้ามเป็นฮีโร่
“Mr.Incredible” เป็นฮีโร่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำหน้าที่คอยปราบอาชญการ ช่วยเหลือผู้คนอยู่เสมอด้วยความที่เขาเองเป็นผู้มีพลังวิเศษ คือ มีพละกำลังมหาศาล Mr.Incredible คอยทำหน้าที่อย่างดีเสมอมา จนเกิดจุดเปลี่ยนที่เขาไปช่วยเหลือผู้ชายคนหนึ่งไม่ให้โดดตึกฆ่าตัวตาย วันต่อมา เขาถูกฟ้องจากคนที่เขาช่วยเพราะผู้ชายคนนั้นไม่ต้องการให้ Mr.Incredible ช่วย พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เขาต้องมีชีวิตอยู่แบบบาดเจ็บ รวมทั้งกระแสสังคมที่มองว่าการเป็นฮีโร่นั้น ช่างขาดความรับผิดชอบ เนื่องจากหลายครั้งที่การกระทำของพวกฮีโร่ก่อให้เกิดความเสียหายมากกมาย แต่กลับไม่เคยต้องชดใช้ นำมาสู่กฎหมายห้ามเป็นฮีโร่โดยเด็ดขาด “บ็อบ พาร์”หรือตัวจริงของ Mr.Incredible หลังจากถูกห้ามเป็นฮีโร่ เขาก็ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา แต่งงานกับ “เฮเลน พาร์” หรือชื่อในวงการฮีโร่ คือ “Elastigirl” ผู้มีพลังวิเศษ สามารถยืดหดตัวได้เหมือนยาง มีลูกอีกสามคนที่ต่างก็มีพลังวิเศษเหมือนกัน แต่การใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาสำหรับบ็อบนั้น เป็นอะไรที่ย่ำแย่มากๆ เขาไม่มีความสุขเพราะมันรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแบบตอนเป็นฮีโร่ จนโอกาสที่เขาจะสามารถกลับมาเป็นฮีโร่อีกครั้งได้มาถึง บ็อบไม่รอช้ารีบคว้าโอกาสนั้นไว้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อันเป็นผลมาจากการกระทำในอดีตของบ็อบสมัยที่ยังเป็นฮีโร่
คุณภาพของงาน Pixer ในปี 2004 อยู่ในระดับที่มีความสวยงามนำหน้าการ์ตูนเรื่องอื่นอยู่พอสมควร และเมื่อเทียบกับงานในปัจจุบัน ถือว่ามีการดีไซน์ที่ดี แปลกตา โดดเด่น ในด้านสิงที่ต้องการจะสื่อจุดเด่นของ Incredible คือ การสะท้อนปัญหาของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งผู้ใหญ่ควรให้ความใส่ใจกับเด็กให้มากๆ เพราะเราอาจเป็นต้นเหตุของการบ่มเพาะให้เขากลายเป็นตัวปัญหาที่ร้ายแรงในอนาคตได้ สะท้อนผ่านเรื่องราวของครอบครังฮีโร่พาร์ ซึ่งโดยรวมแล้ว Incredible นับเป็นอนิเมชั่นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำออกมาสนุก โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ จังหวะเล่าเรื่องไม่น่าเบื่อ ไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมจนมีการสร้างภาคสองออกมาแล้ว แม้จะทิ้งห่างจากภาคแรกนายโขก็ตาม