ทาร์ซาน อนิเมชั่นลำดับที่ 37 ของ Disney สร้างในปี 1999 ถูกดัดแปลงมาจากนิทานเรื่อง “ทาร์ซาน ออฟ ดิเอปส์” ของ “เอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรห์ส” เป็นเรื่องราวของทารกคนหนึ่งที่ถูกเก็บมาเลี้ยงด้วยกอริลลาและต้องเติบโตขึ้นท่ามกลางความรู้สึกที่แปลกแยกจากกอริลลาตัวอื่นๆ จึงอยากพิสูจน์ตัวเองให้ทุกตัวในฝูงเห็นว่า ถึงแม้ตัวเขาจะเกิดมาแตกต่าง แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของฝูงได้ พร้อมกับค้นหาความจริงถึงต้นกำเนิดของตัวเองด้วย
ทาร์ซานเด็กชายผู้ถูกเลี้ยงดูโดยกอริลลา

เรื่องราวของทาร์ซานเริ่มต้นเมื่อเรือของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเกิดอับปาง จนทั้งคู่ลอยมาติดเกาะร้าง ซึ่งนอกจากทั้งสองคนแล้ว ยังมีเด็กทารกชายติดมาด้วย ทั้งคู่จึงตั้งหลักปักฐานคิดจะอยู่บนเกาะนั้นชั่วคราว อีกฝั่งหนึ่งของป่าก็มีกอริลลาฝูงหนึ่งที่อยู่กันอย่างสงบสุขในป่า แต่แล้ววันหนึ่ง มีเสือร้ายเข้ามาโจมตีและพรากชีวิตลูกกอริลลาของ “คาล่า” แม่กอริลลาสาวไป เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เธอโศกเศร้ามาก จนบังเอิญหลงไปได้ยินเสียงร้องไห้จากบ้านบนต้นไม้ ที่นั่นเองคาล่าได้พบกับทารกกำลังร้องไห้ ข้างๆมีร่างของมนุษย์สองคน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อมแล้ว คาล่าคิดว่าน่าจะถูกเสือโจมตีเหมือนกัน และพ่อแม่ของทารกก็สละชีวิตปกป้องทารกไว้ได้ คาล่าจึงตัดสินใจเลี้ยงดูเด็กคนนี้แบบกอริลลา เธอตั้งชื่อเขาว่า “ทาร์ซาน” แต่เนื่องจากอนิเมชั่นเรื่องทาร์ซาน เป็นอีกเรื่องหนึ่งมีที่ภาคต่อภาคแยกยิบย่อยเยอะมากๆ สำหรับทาร์ซานเวอร์ชั่นปี 1999 ถือเป็นภาคแรกของซีรีย์ทาร์ซาน ที่เราจะได้เห็นจุดกำเนิดของทาร์ซาน การพบกันครั้งแรกของเขากับคาล่ากอริลลาแม่บุญธรรม “เทรก” และ “แทนทอร์” เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นกอริลลากับช้าง สุดท้ายคือ “เจน” มนุษย์ผู้หญิงคนแรกที่ทาร์ซานเห็นและตกหลุมรัก ในส่วนของประเด็นภาคนี้ เกี่ยวข้องกับปัญหาการค้าสัตว์ป่า ที่เราจะได้เห็นความรุนแรงต่างๆของนายพรานใจดำ ซึ่งจะทำทุกวิธีการ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าอนิเมชั่นเรื่อง ทาร์ซาน ทำภาพทุกอย่างภายในเรื่องออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นของตัวเอกอย่างทาร์ซานที่เราสามารถเห็นกล้ามเนื้อได้แบบชัดๆ ดูเป็นร่างกายที่ทั้งคล่องตัวและแข็งแรง สมกับการเป็นเจ้าป่า รวมถึงฉากต่างๆภายในป่าก็ทำออกมาได้สมจริง ซึ่งนี่คงเป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องของ Disney ที่แม้จะเป็นอนิเมชั่น 2D แต่มีการออกแบบ การเคลื่อนไหว มุมกล้องรวมกับอนิเมชั่น 3D แบบในปัจจุบัน ในส่วนของเพลงก็ไพเราะ รู้สึกถึงเอกลักษณ์ประจำของ Disney แม้ภายในเรื่องจะใช้ไม่กี่เพลง แต่ทุกครั้งที่ออกมานั้นกลับสร้างความรู้สึกให้คนดูอินได้ตลอด
