ปัจจุบันมีอนิเมะที่เกี่ยวกับการเล่นเกมออนไลน์มากมาย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะการที่เราได้เห็นตัวละครสวมบทบาทเป็นสิ่งต่างๆที่โลกความจริงทำไม่ได้ เช่น การต่อสู้ปราบปีศาจ การสวมบทบาทเป็นอาชีพแปลกๆ แม้การต่อสู้กับคนอื่นแบบถึงชีวิตก็ทำได้เช่นกัน ทุกครั้งที่เราดูอนิเมะเหล่านี้มันจะให้ความรู้สึกคล้ายๆกัน คือ เป็นเกมที่น่าสนใจจริงๆ อยากเข้าไปเล่นบ้าง แต่พอเป็นเรื่อง BTOOM! กลับนำเสนอในสิ่งที่ต่างออกไป จากที่เราต้องไปติดในโลกของเกมเอาชีวิตรอด กลายเป็นเราต้องเอาชีวิตรอดแบบเดียวกับกติกาของเกมในโลกความเป็นจริง
เอาชีวิตรอดให้ได้แบบเกมในชีวิตจริง
ตัวเอกของเรื่อง “ซากาโมโตะ เรียวตะ” (Sakamoto Ryouta) เป็นคนว่างงานอายุ 22 ปี ที่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นเกมออนไลน์ชื่อดังอย่าง BTOOM! ที่เป็นเกมแนวต่อสู้เอาชีวิตรอด โดยมีอาวุธอย่างเดียว คือ ระเบิดนานาชนิด เช่น ระเบิดธรรมดา ระเบิดตั้งเวลาได้ ระเบิดที่สามารถติดตามเป้าหมายได้ และถือได้ว่าเขาเป็นผู้เล่นระดับต้นๆของเกมนี้เลย แต่จู่ๆวันหนึ่งเรียวตะกลับตื่นมาบนเกาะร้าง ทั้งที่เขาไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เพราะความจำล่าสุด คือ เขากำลังเดินกลับจากการซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งยังมีของแปลกประหลาดอยู่ข้างๆเขาด้วย ซึ่งไม่นานนักเพระเอกของเราก็ถูกตามล่าโดยชายลึกลับที่พยายามฆ่าเขาด้วยระเบิด ดูไปดูมาก็คล้ายกับเกม BTOOOM! ที่เขาเล่น อีกทั้งของแปลกประหลาดที่ติดตัวมาตอนที่เขาตื่นจริงๆแล้วเป็นระเบิดแบบเดียวกับในเกมเป๊ะ แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหัน แต่ในเวลาซากาโมโตะทำได้เพียงต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์นี้เท่านั้น นี่จึงกลายเป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอดบนเกาะร้างที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้ามากมาย ซึ่งพร้อมจะฆ่ากันให้ตายด้วยระเบิดนานาชนิด สำหรับความรู้สึกหลังดูเรื่อง BTOOM! คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เน้นการเอาชีวิตรอดเท่าไรนัก แต่จะเน้นเรื่องการต่อสู้ด้วยการใช้กลยุทธ์ต่างๆ ที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เพราะนี่เป็นการต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธที่เป็นระเบิดเท่านั้น และที่ขาดไม่ได้เลย คือ การนำเสนอด้านมืดของมนุษย์ที่ทำให้เราต้องระแวงทั้งเรื่อง เพราะไม่สามารถเชื่อใจใครได้ง่ายๆ
จุดเด่นของ BTOOM! คือ การพยายามนำองค์ประกอบของความเป็นเกมมาทำให้ดูเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของระเบิดต่างๆ เทคโนโลยีภายในเรื่องที่ทำให้เรื่องมีความสนุกตื่นเต้น เกิดความรู้สึกว่า มันเป็นการเอาชีวิตรอดที่ต้องแลกด้วยชีวิตจริงๆ งานภาพสวยมีเอกลักษณ์ของตัวเอง และมีคุณภาพในระดับของค่าย Madhouse น่าเสียดายที่อนิเมะเรื่องนี้มีเพียง 12 ตอน และไม่มีความหวังที่จะมีภาคต่อ เพราะทำมาเพื่อโปรโมทนิยายและมังงะ
